belanegara – กระทรวงการคลังอินโดนีเซียประกาศแผนการจัดสรรเงินงบประมาณมหาศาลถึง 200 ล้านล้านรูปี (ประมาณ 3.6 แสนล้านบาท) เข้าสู่ 5 ธนาคารรัฐบาลชั้นนำ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างเต็มกำลัง โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คุณปูร์บายา ยูดี้ ซาเดวะ ได้ออกคำสั่งห้ามมิให้ธนาคารเหล่านี้ นำเงินก้อนนี้ไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล (SBN) อย่างเด็ดขาด
คำสั่งห้ามดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตามประกาศกระทรวงการคลังฉบับที่ 276/2568 ซึ่งออกเมื่อวันศุกร์ที่ 12 กันยายน 2568 โดยมีธนาคารที่ได้รับการคัดเลือก 5 แห่ง ได้แก่ Bank Mandiri, Bank Negara Indonesia, Bank Rakyat Indonesia, Bank Tabungan Negara และ Bank Syariah Indonesia ซึ่งจะได้รับเงินก้อนนี้ในรูปแบบเงินฝากเรียกคืนได้ทั้งแบบธรรมดาและแบบอิสลาม โดยไม่ต้องผ่านการประมูล

“เงินก้อนนี้จะถูกปล่อยกู้เพื่อสนับสนุนภาคธุรกิจจริง เพื่อให้เศรษฐกิจหมุนเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวในการแถลงข่าว ณ สำนักงานประสานงานด้านเศรษฐกิจ กรุงจาการ์ตา
นโยบายนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ธนาคารรัฐมักจะนำเงินงบประมาณส่วนหนึ่งไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล แต่ครั้งนี้ รัฐบาลต้องการให้เงินทุนไหลเวียนสู่ภาคธุรกิจโดยตรง เพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเพียงอย่างเดียว ซึ่งนับเป็นกลยุทธ์ทางการเงินที่น่าจับตามอง และอาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินในอินโดนีเซียอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่ออัตราดอกเบี้ยและการลงทุนในภาคเอกชน
การตัดสินใจครั้งนี้ของรัฐบาลอินโดนีเซีย สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และเป็นการกระตุ้นการลงทุนในภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของเศรษฐกิจอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามผลกระทบในระยะยาวของนโยบายนี้ต่อไป ว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้หรือไม่ และจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินของประเทศอย่างไร