belanegara – บริษัท อัสตร้า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ ASII ยักษ์ใหญ่แห่งวงการธุรกิจยานยนต์และอื่นๆ ของประเทศอินโดนีเซีย ประกาศแจกจ่ายเงินปันผลมหาศาลถึง 16.43 ล้านล้านรูปีห์ สำหรับผลประกอบการปี 2567 คิดเป็นเงินปันผลต่อหุ้นละ 490 รูปีห์ นอกจากนี้ ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี (RUPST) ยังมีการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญในคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการบริหารอีกด้วย ถือเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญที่นักลงทุนทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จับตามองอย่างใกล้ชิด
จากผลการประชุม RUPST ผู้ถือหุ้นได้อนุมัติการนำกำไรสุทธิรวมของบริษัทสำหรับปีบัญชีที่สิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 34.05 ล้านล้านรูปีห์ มาใช้ โดยจะนำมาจ่ายเป็นเงินปันผล 16.4 ล้านล้านรูปีห์ หรือหุ้นละ 406 รูปีห์ ซึ่งรวมถึงเงินปันผลระหว่างกาลที่จ่ายไปแล้วหุ้นละ 98 รูปีห์ หรือ 3.96 ล้านล้านรูปีห์ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567 ส่วนที่เหลืออีก 12.4 ล้านล้านรูปีห์ หรือหุ้นละ 308 รูปีห์ จะจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นที่อยู่ในทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 22 พฤษภาคม 2568 เวลา 16.00 น. ตามเวลาอินโดนีเซีย

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ยังรวมถึงการปรับโครงสร้างคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการบริหาร โดย RUPST ได้อนุมัติการลาออกของ Bambang Permadi Soemantri Brodjonegoro จากตำแหน่งกรรมการอิสระ และ Suparno Djasmin จากตำแหน่งกรรมการบริหาร พร้อมกับการแต่งตั้ง John Raymond Witt และ Stephen Patrick Gore กลับเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการอีกครั้ง และที่น่าสนใจคือ การแต่งตั้ง Rudy ขึ้นดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหาร นับตั้งแต่การประชุมสิ้นสุดลง
รายชื่อคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการบริหารของ Astra International หลังการปรับเปลี่ยนมีดังนี้:
คณะกรรมการบริษัท:
- ประธานกรรมการ: Prijono Sugiarto
- กรรมการอิสระ: Sri Indrastuti Hadiputranto
- กรรมการอิสระ: Apinont Suchewaboripont
- กรรมการอิสระ: Muliaman Darmansyah Hadad
- กรรมการ: Anthony John Liddell Nightingale
- กรรมการ: Benjamin William Keswick
- กรรมการ: John Raymond Witt
- กรรมการ: Stephen Patrick Gore
- กรรมการ: Benjamin Herrenden Birks
- กรรมการ: Hsu Hai Yeh
การปรับเปลี่ยนครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ของ Astra International ในการสร้างความแข็งแกร่งและความยั่งยืนให้กับธุรกิจ การจ่ายเงินปันผลจำนวนมหาศาลและการปรับโครงสร้างผู้บริหารถือเป็นสัญญาณบวกที่น่าจับตา และคาดว่าจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อไป