belanegara – แม้เศรษฐกิจโลกจะเผชิญความผันผวนอย่างหนัก แต่กลับปรากฏว่าอุตสาหกรรมยาสูบของอินโดนีเซียกลับกลายเป็นหนึ่งในเสาหลักสำคัญที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจประเทศได้อย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2567 นี้ รายได้จากภาษียาสูบที่จัดเก็บได้นั้นสูงถึง 216.9 ล้านล้านรูปี คิดเป็นสัดส่วน 4.22% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) นับเป็นตัวเลขที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญและศักยภาพของอุตสาหกรรมนี้ต่อเศรษฐกิจอินโดนีเซียอย่างชัดเจน
ความสำเร็จดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลมาจากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมยาสูบที่ฝังรากลึกอยู่ในสังคมอินโดนีเซียมายาวนานหลายร้อยปี ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่เกษตรกรผู้ปลูกยาสูบ แรงงานในโรงงาน ไปจนถึงร้านค้าปลีกขนาดเล็ก ต่างพึ่งพาอาศัยอุตสาหกรรมนี้ในการดำรงชีวิต มีผู้คนนับล้านที่ได้รับประโยชน์และมีรายได้จากอุตสาหกรรมนี้

อย่างไรก็ตาม ยังมีเสียงเรียกร้องจากหลายฝ่ายให้รัฐบาลอินโดนีเซียระมัดระวังการแทรกแซงจากองค์กรต่างชาติที่อาจส่งผลกระทบต่อนโยบายภายในประเทศ เนื่องจากการแทรกแซงดังกล่าวอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อเศรษฐกิจและประชาชนโดยรวม จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่อินโดนีเซียจะต้องรักษาอธิปไตยทางเศรษฐกิจ กำหนดนโยบายที่เหมาะสมกับบริบทและความต้องการของประเทศ โดยไม่ตกเป็นเครื่องมือหรือขึ้นอยู่กับอิทธิพลจากภายนอก
ตัวเลขรายได้จากภาษียาสูบที่สูงถึง 216.9 ล้านล้านรูปี จึงเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความสำคัญของอุตสาหกรรมยาสูบต่อเศรษฐกิจอินโดนีเซีย และเป็นบทเรียนสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าแม้ในภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน อุตสาหกรรมภายในประเทศก็สามารถสร้างความมั่นคงและความเจริญได้ หากได้รับการบริหารจัดการอย่างถูกต้องและเหมาะสม โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและความมั่นคงของประเทศเป็นสำคัญ