belanegara – กองหน้าจรวดความเร็วสูงอย่าง คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ สร้างปรากฏการณ์อีกครั้ง! หลังจากทำลายสถิติของ ติเออร์รี่ อองรี ตำนานดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศส ไปเรียบร้อยแล้ว โดยเว็บไซต์ belanegara.co รายงานว่า ช่วงพักเบรกทีมชาติที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำอย่างยิ่งสำหรับ เอ็มบั๊ปเป้ และ ทีมชาติฝรั่งเศส "เลส์ เบลอส์" ที่คว้าชัยชนะมาได้ทั้งสองนัด และ เอ็มบั๊ปเป้ ก็ได้พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นตำนานคนใหม่ของทีมชาติ พร้อมกับการขึ้นแท่นเป็นดาวซัลโวสูงสุดคนใหม่
การทำประตูในนัดที่พบกับยูเครน เมื่อ เอ็มบั๊ปเป้ ซัดประตูสำคัญในนาทีที่ 82 ทำให้เขาทาบสถิติของ ติเออร์รี่ อองรี ขึ้นมาเป็นอันดับสองดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติฝรั่งเศส ด้วยจำนวน 51 ประตูเท่ากัน แต่ความยิ่งใหญ่ยังไม่จบเพียงเท่านี้!

ในเกมกับไอซ์แลนด์ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เอ็มบั๊ปเป้ ซัดประตูโทนจากจุดโทษในนาทีที่ 45 ส่งผลให้เขาแซงหน้า อองรี ขึ้นมาเป็นอันดับสองอย่างเป็นทางการ เหลือเพียง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ที่ยังคงครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของเลส์ เบลอส์ ด้วยจำนวน 57 ประตูเท่านั้น
ซูเปอร์สตาร์ของเรอัล มาดริด ออกมาเปิดใจถึงความสำเร็จครั้งนี้ โดยยืนยันว่าเขายังไม่หยุดเพียงเท่านี้ "อันดับสองของประวัติศาสตร์เหรอ? ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ ไม่มีวันหยุดพัก ยังมีนักเตะคนอื่นๆ ที่เราต้องแซงให้ได้" เอ็มบั๊ปเป้ กล่าวกับ RM4Arab แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะขึ้นไปครองตำแหน่งสูงสุด
เอ็มบั๊ปเป้ ยังเผยถึงความฝันกับทีมชาติฝรั่งเศส และวิธีการที่เขาจัดการกับความกดดันในระดับสโมสร "เป้าหมายหลักของผมคือการพาทีมชาติฝรั่งเศสไปให้ถึงจุดสูงสุด ตอนนี้ก็กลับไปที่มาดริดแล้ว" เขากล่าว
เกมต่อไป เอ็มบั๊ปเป้ จะลงสนามให้เรอัล มาดริด พบกับ เรอัล โซซิเอดาด ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ แต่คาดว่าเขาอาจจะได้ลงเล่นจากม้านั่งสำรอง เนื่องจากเพิ่งกลับมาจากภารกิจทีมชาติ และการเดินทางที่ยาวนาน นอกจากนี้ กุนซือชาบี อลอนโซ่ ก็พร้อมที่จะหมุนเวียนนักเตะเพื่อรักษาความฟิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วินิซิอุส จูเนียร์ และ โรดรีโก้ ที่ไม่ได้ไปรับใช้ทีมชาติ ก็พร้อมที่จะลงสนามในเกมนี้เช่นกัน
สำหรับเกมกับไอซ์แลนด์ ฝรั่งเศสเอาชนะไปได้ 2-1 โดย เอ็มบั๊ปเป้ ยิงจุดโทษขึ้นนำก่อน และ บราดลีย์ บาร์โคล่า มายิงประตูที่สอง แต่ก็ต้องเสีย ออเรเลียง ชูอาเมนี ไปด้วยใบแดงในนาทีที่ 68 อย่างไรก็ตาม เลส์ เบลอส์ สามารถรักษาสกอร์เอาไว้ได้ แม้ว่าไอซ์แลนด์จะได้ประตูขึ้นนำก่อนจาก อันดรี กุดยอนเซน ในนาทีที่ 21
