belanegara – ความร่วมมือทางเศรษฐกิจครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างอินโดนีเซียและสหภาพยุโรป (EU) กำลังจะเกิดขึ้น หลังจากการลงนามข้อตกลง IEU-CEPA (Indonesia-European Union Comprehensive Economic Partnership Agreement) อย่างเป็นทางการ นับเป็นก้าวสำคัญที่ต่อยอดจากการประกาศข้อตกลงเบื้องต้นระหว่างประธานาธิบดีโจโก วิโดโด แห่งอินโดนีเซีย และประธานคณะกรรมาธิการยุโรป อูร์ซูลา ฟอน เดอร์ ไลเอิน เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ณ ประเทศเบลเยียม
ข้อตกลงนี้ทำให้ อินโดนีเซีย กลายเป็นประเทศอาเซียนลำดับถัดจากสิงคโปร์และเวียดนาม ที่ได้ลงนาม CEPA กับสหภาพยุโรป สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันที่เท่าเทียมกัน (equal level of playing field) สำหรับสินค้าและการลงทุนของอินโดนีเซีย และยกระดับบทบาทของอินโดนีเซียในเวทีโลกอย่างแข็งแกร่ง

“จากการเจรจารอบแรกที่กรุงบรัสเซลส์ เมื่อวันที่ 20-21 กันยายน 2559 จนถึงวันนี้ที่บาหลี ตลอดระยะเวลาเก้าปีที่ผ่านมา ได้นำพาเราสู่ความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นร่วมกันและอย่างต่อเนื่องของเรา ในการสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่เปิดกว้าง ยุติธรรม และยั่งยืน ผ่าน IEU-CEPA” นายแอร์ลังกา ฮาร์ตาร์โต รัฐมนตรีประสานงานด้านเศรษฐกิจ กล่าวหลังจากการลงนามและประกาศร่วมเกี่ยวกับข้อตกลง IEU-CEPA ที่บาหลี เมื่อวันอังคารที่ 23 กันยายน 2568
คาดว่าข้อตกลงนี้จะส่งผลดีต่ออินโดนีเซียอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการขยายการส่งออกและการเข้าถึงตลาดที่กว้างขึ้นในสหภาพยุโรป การเปิดเสรีตลาดภายใต้ IEU-CEPA ครอบคลุมสินค้า บริการ และการลงทุน ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะยกเลิกภาษีศุลกากรมากกว่า 98% ของประเภทภาษีและ 99% ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด
เมื่อข้อตกลงมีผลบังคับใช้ สินค้าของอินโดนีเซียจะได้รับการยกเว้นภาษี 0% ในตลาดสหภาพยุโรปถึง 90.40% และจะมีการลดภาษีเพิ่มเติมอย่างค่อยเป็นค่อยไปในอนาคต นับเป็นโอกาสทองสำหรับผู้ประกอบการอินโดนีเซียในการขยายตลาดและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก