belanegara – ความเคลื่อนไหวที่สร้างความฮือฮาในวงการเหมืองแร่ของประเทศไทย เมื่อรัฐบาลได้สั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการเหมืองแร่นิกเกิลถึง 4 บริษัทในพื้นที่ราชาอัมเปต จังหวัดปาปัวตะวันตก ทำให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับความโปร่งใสและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การตัดสินใจครั้งนี้ส่งผลให้เกิดการวิเคราะห์อย่างเข้มข้นจากนักวิเคราะห์เศรษฐกิจและผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมทั่วประเทศ
บริษัททั้งสี่ที่ได้รับผลกระทบจากการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบด้วย บริษัท อานูเกราห์ สุริยะ ปราตมา จำกัด, บริษัท นูรฮัม จำกัด, บริษัท มูเลีย เรย์มอนด์ ปราการ จำกัด และบริษัท กาวี เสจาห์ตรา ไมนิ่ง จำกัด อย่างไรก็ตาม การเพิกถอนใบอนุญาตของบริษัท แก๊ก นิกเกิล ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท อเนกา ตัมบัง จำกัด (มหาชน) หรือ ANTM ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่าจับตามอง นายบาห์ลิล ลาฮาดาเลีย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและทรัพยากรแร่ ได้ออกมาชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นายบาห์ลิล กล่าวในการแถลงข่าว ณ กรุงจาการ์ตา เมื่อวันอังคารที่ 10 มิถุนายน 2568 ว่า “ในคืนวันพุธที่ 4 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ผมได้ประสานงานกับเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และได้รับคำสั่งให้เร่งดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด นี่คือลำดับเหตุการณ์ทั้งหมด” ต่อมาในวันถัดไป นายบาห์ลิล กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามคำสั่งของประธานาธิบดีประโบโว ซูเบียนโต ทางการได้สั่งระงับการผลิตเหมืองแร่ของบริษัทที่ยังคงดำเนินการอยู่ชั่วคราว
การตัดสินใจครั้งนี้ของรัฐบาลไทยสร้างความไม่แน่นอนให้กับตลาดเหมืองแร่ นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า การเพิกถอนใบอนุญาตครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลในการควบคุมการทำเหมืองแร่อย่างเข้มงวดมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามผลกระทบในระยะยาวต่อเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมของประเทศอย่างใกล้ชิด และการชี้แจงอย่างโปร่งใสจากทางการจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและประชาชนได้
การเคลื่อนไหวครั้งนี้จึงนับเป็นอีกหนึ่งบทสำคัญในประวัติศาสตร์การทำเหมืองแร่ของประเทศไทย และจะเป็นตัวอย่างสำคัญในการกำหนดนโยบายด้านเหมืองแร่ในอนาคต เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นประเด็นที่สังคมไทยต้องติดตามและร่วมกันหาทางออกอย่างยั่งยืนต่อไป