belanegara – รายได้จากภาษีของประเทศไทยในช่วงเดือนมกราคม-สิงหาคม ปี 2568 สร้างความตกตะลึงให้กับวงการเศรษฐกิจ เมื่อตัวเลขล่าสุดที่กระทรวงการคลังเปิดเผยออกมาแสดงให้เห็นถึงการลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึง 3.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีรายได้สุทธิจากภาษีอยู่ที่ 1.13544 ล้านล้านบาท เทียบกับปีที่แล้วที่ทำได้ถึง 1.19654 ล้านล้านบาท สร้างความกังวลอย่างมากต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ
รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คุณอังกิโต อบิมันยุ ได้ออกมาชี้แจงถึงตัวเลขดังกล่าวในงานแถลงข่าวเศรษฐกิจประจำเดือนกันยายน ปี 2568 โดยระบุว่า ตัวเลขรายได้ภาษีสุทธิที่ลดลงนี้เกิดจากการคืนภาษีส่วนเกินหรือเงินคืนภาษี (Restitusi) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อตัวเลขโดยรวม อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากรายได้ภาษีรวม (Bruto) จะพบว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา โดยมีรายได้ภาษีรวมอยู่ที่ 1.44274 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

“อย่างที่เราได้เคยชี้แจงไปแล้ว เรามีการคำนวณรายได้ภาษีทั้งแบบรวม (Bruto) ซึ่งสะท้อนสภาพเศรษฐกิจโดยรวม และแบบสุทธิ (Neto) ซึ่งเป็นตัวเลขหลังหักเงินคืนภาษีแล้ว” คุณอังกิโต กล่าว “ดังนั้น รายได้ภาษีรวมจึงแสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนรายได้ภาษีสุทธิ ก็ยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่น่าจับตามอง”
การลดลงของรายได้ภาษีสุทธิครั้งนี้ ถือเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญสำหรับรัฐบาล และอาจส่งผลกระทบต่อแผนการใช้จ่ายงบประมาณของประเทศ ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการดำเนินนโยบายต่างๆ และการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจโลกยังคงมีความผันผวน ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจต่างจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และคาดการณ์ว่ารัฐบาลอาจต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขปัญหานี้ต่อไป