belanegara – นางสาวสมฤดี มุลยาณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอินโดนีเซีย ได้ออกมาเปิดเผยถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญต่อการส่งออกของเล่นจากอินโดนีเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตุ๊กตาบาร์บี้และรถของเล่นฮอตวีลส์ เนื่องจากนโยบายการขึ้นภาษีตอบโต้ของสหรัฐอเมริกา
ในการหารือกับกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ที่กรุงวอชิงตัน นางสมฤดีได้เน้นย้ำว่า บาร์บี้ไม่ใช่แค่ภาพยนตร์ แต่เป็นสินค้าจริงที่ผลิตในอินโดนีเซียเป็นส่วนใหญ่ "ทุกคนรู้จักบาร์บี้ใช่ไหมคะ? บาร์บี้ที่เราพูดถึงคือตุ๊กตาบาร์บี้ ไม่ใช่หนังนะคะ ตุ๊กตาบาร์บี้ส่วนใหญ่ผลิตจากประเทศเรา (อินโดนีเซีย) ในการประชุมกับกระทรวงการคลังสหรัฐฯ มีการพูดคุยเกี่ยวกับบาร์บี้ เนื่องจากสหรัฐฯ นำเข้าบาร์บี้จากอินโดนีเซีย และอินโดนีเซียเป็นผู้ผลิตบาร์บี้รายใหญ่ที่สุด" นางสมฤดีกล่าวในการแถลงข่าวเกี่ยวกับงบประมาณของประเทศ เมื่อวันพุธที่ 30 เมษายน 2568

นอกจากบาร์บี้แล้ว ของเล่นอื่นๆ เช่น ฮอตวีลส์ ก็จะได้รับผลกระทบจากนโยบายการขึ้นภาษีนี้เช่นกัน "บางคนอาจมองว่าไม่สำคัญ แต่สำหรับอเมริกาแล้วมันสำคัญมาก เพราะอีก 6 เดือนข้างหน้าก็จะถึงเทศกาลคริสต์มาสและวันแบล็กฟรายเดย์ และคุณยายทุกคนอย่างเช่นตัวดิฉันเองก็จะซื้อของขวัญให้หลานๆ การขึ้นภาษีตอบโต้นี้จะส่งผลต่อราคาของเล่นด้วย" นางสมฤดีอธิบายเพิ่มเติม
ปัจจุบัน บริษัท แมทเทล อินโดนีเซีย เป็นศูนย์กลางการผลิตของเล่นเหล่านี้ โรงงานแมทเทลในจิการัง จังหวัดชวาตะวันตก เป็นโรงงานผลิตตุ๊กตาบาร์บี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีกำลังการผลิตสูงถึง 3 ล้านตัวต่อสัปดาห์ หลังจากขยายโรงงานในปี 2565 นโยบายการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ จึงอาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมของเล่นของอินโดนีเซียและส่งผลต่อรายได้ของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ นักวิเคราะห์หลายฝ่ายกำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินผลกระทบในระยะยาวต่อไป