belanegara – กระทรวงประสานงานด้านโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาภูมิภาคของอินโดนีเซีย นำโดยท่านอาฆุส ฮาริมุรติ ยุดโธโยโน (AHY) ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของโครงการก่อสร้างกำแพงทะเลขนาดมหึมา (Giant Sea Wall) บริเวณชายฝั่งทางตอนเหนือของเกาะชวา ซึ่งเป็นโครงการยักษ์ที่จะช่วยปกป้องประชาชนนับล้านคนจากภัยพิบัติทางธรรมชาติอันเกิดจากการทรุดตัวของพื้นดิน น้ำทะเลหนุนสูง และระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นอันเป็นผลมาจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศโลก
โครงการนี้ถือเป็นโครงการเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญยิ่ง เพราะประชาชนที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งต้องเผชิญกับภัยคุกคามอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีเขตอุตสาหกรรมและเขตเศรษฐกิจพิเศษที่จำเป็นต้องได้รับการปกป้องเพื่อไม่ให้กระทบต่อการจ้างงานและเศรษฐกิจของประเทศ “นี่คือโครงการที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์อย่างยิ่ง ความเร่งด่วนนั้นชัดเจน เพราะประชาชนในพื้นที่ชายฝั่งต้องเผชิญกับภัยคุกคามอยู่ตลอดเวลา และยังมีเขตอุตสาหกรรมและเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ต้องได้รับการคุ้มครองเพื่อไม่ให้กระทบต่อการจ้างงานและเศรษฐกิจของประเทศ” รัฐมนตรี AHY กล่าว ณ มหาวิทยาลัยอินโดนีเซีย เมืองเดปก จังหวัดชวาตะวันตก เมื่อวันพุธที่ 24 กันยายน 2568

อย่างไรก็ตาม โครงการกำแพงทะเลมหึมานี้ไม่ได้เน้นเพียงแค่การก่อสร้างด้วยคอนกรีตเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาโดยใช้ธรรมชาติ (Nature-based solution) เช่น การปลูกป่าชายเลนเข้ามาช่วยเสริมด้วย “เราร่วมมือกับหน่วยงานผู้มีอำนาจในการบริหารจัดการชายฝั่งทางตอนเหนือของเกาะชวา และพันธมิตรระหว่างประเทศ เพื่อดึงดูดการลงทุนที่น่าเชื่อถือและยั่งยืน” รัฐมนตรี AHY กล่าวเสริม
นอกจากการมุ่งเน้นการป้องกันชายฝั่งแล้ว รัฐบาลยังคงให้การสนับสนุนนโยบายสำคัญของประธานาธิบดีด้านความมั่นคงทางอาหารและพลังงานอย่างต่อเนื่อง โครงการนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตและความมั่นคงของประเทศอินโดนีเซีย การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและธรรมชาติในการแก้ปัญหา นับเป็นแนวทางที่น่าจับตามองและอาจเป็นแบบอย่างให้กับประเทศอื่นๆ ในการรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศได้เป็นอย่างดี