belanegara – กระทรวงพลังงานและทรัพยากรแร่ของอินโดนีเซียได้จัดการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันเอกชนรายใหญ่ ได้แก่ BP-AKR, Shell, VIVO และ Exxon เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ การประชุมครั้งนี้ได้ข้อสรุปสำคัญ 4 ประการที่จะช่วยคลี่คลายวิกฤตการณ์ดังกล่าว
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ประกอบการทั้งสี่ราย ต่างเห็นพ้องต้องกันที่จะเพิ่มปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงจนถึงสิ้นปีนี้ ผ่านการร่วมมือกับ PT Pertamina บริษัทน้ำมันของรัฐบาลอินโดนีเซีย นาย Bahlil Lahadalia รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานและทรัพยากรแร่ กล่าวว่า "รัฐบาลตัดสินใจที่จะสนับสนุนการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับปั๊มน้ำมันเอกชนต่อไป แต่จะดำเนินการผ่านความร่วมมือกับ Pertamina"

ข้อตกลงแรก ปั๊มน้ำมันเอกชนทั้งสี่รายจะต้องซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจาก PT Pertamina หากต้องการเพิ่มปริมาณน้ำมันสำรองจนถึงสิ้นปี เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถเพิ่มโควตาการนำเข้าน้ำมันให้กับผู้ประกอบการเอกชนได้อีกแล้ว "เงื่อนไขคือ ต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงฐาน (base fuel) หมายความว่ายังไม่ได้ผสมอะไรเพิ่มเติม เปรียบเสมือนการชงชา ก่อนหน้านี้ Pertamina ขายชาที่ชงเสร็จแล้ว แต่ตอนนี้จะขายเฉพาะน้ำร้อนเท่านั้น" รัฐมนตรีกล่าวเสริม
ข้อตกลงที่สอง การซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มเติมสำหรับปั๊มน้ำมันเอกชน จะใช้ระบบตรวจสอบร่วม (joint surveyor) ทั้ง PT Pertamina และผู้ประกอบการปั๊มน้ำมันเอกชน จะมีผู้ตรวจสอบคุณภาพน้ำมันของตนเอง หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบคุณภาพน้ำมันแล้ว PT Pertamina จึงจะขนส่งน้ำมันไปยังถังเก็บของผู้ประกอบการปั๊มน้ำมันเอกชนแต่ละราย
"สินค้า (น้ำมัน) จะไม่ถูกขนส่งจนกว่าผู้ตรวจสอบทั้งสองฝ่ายจะเห็นชอบคุณภาพก่อน" นาย Bahlil กล่าว นั่นหมายความว่าจะมีการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวดก่อนการขนส่งทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและปริมาณน้ำมันที่ถูกต้อง การร่วมมือกันครั้งนี้จึงเป็นการสร้างความโปร่งใสและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคชาวอินโดนีเซียได้เป็นอย่างดี และเป็นการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ