belanegara – รัฐบาลอินโดนีเซียได้จัดการประชุมอย่างเข้มข้นกับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) และกระทรวงพาณิชย์ ณ กรุงวอชิงตัน เพื่อหารือเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้า คณะผู้แทนอินโดนีเซีย นำโดยนายแอร์ลังกา ฮาร์ตาร์โต รัฐมนตรีประสานงานด้านเศรษฐกิจ สามารถบรรลุข้อตกลงสำคัญหลายประการในการเจรจาการค้าทวิภาคี
บรรยากาศการเจรจาเป็นไปอย่างอบอุ่นและสร้างสรรค์ ทั้งสองประเทศตกลงที่จะกำหนดกรอบความร่วมมือที่ครอบคลุมและสรุปการหารือภายใน 60 วันข้างหน้า

“อินโดนีเซียเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลสหรัฐฯ ให้เข้าร่วมหารือความร่วมมือทางเศรษฐกิจทวิภาคีระหว่างอินโดนีเซีย-สหรัฐฯ เพื่อสร้างความเป็นธรรมและสมดุลในการค้า” นายแอร์ลังกา กล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ 19 เมษายน 2568
นี่คือ 10 ข้อสำคัญจากการเจรจาอัตราภาษีนำเข้าระหว่างอินโดนีเซียและสหรัฐอเมริกา ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ ได้เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น หรือวันศุกร์ที่ 18 เมษายน 2568 ตามเวลาอินโดนีเซีย:
อินโดนีเซียพร้อมเพิ่มการนำเข้าพลังงานจากสหรัฐฯ: เพื่อรักษาสมดุลการค้า อินโดนีเซียแสดงความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มการซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และน้ำมันดิบประเภท sweet crude oil จากสหรัฐฯ
ขยายการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ: อินโดนีเซียแสดงความพร้อมที่จะขยายการนำเข้าข้าวสาลีและผลิตภัณฑ์ไม้ผลต่างๆ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของสหรัฐฯ
เสื่อการลงทุนจากสหรัฐฯ ในอินโดนีเซีย: รัฐบาลอินโดนีเซียสัญญาว่าจะเร่งกระบวนการอนุญาตและอำนวยความสะดวกในการลงทุนต่างๆ สำหรับบริษัทสหรัฐฯ ที่สนใจพัฒนาธุรกิจในอินโดนีเซีย
เสนอความร่วมมือด้านแร่ธาตุสำคัญเชิงกลยุทธ์: อินโดนีเซียได้เสนอความร่วมมือในการจัดการและการแปรรูปแร่ธาตุสำคัญ รวมถึงในบริบทของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกอย่างยั่งยืน
ส่งเสริมความร่วมมือด้านทรัพยากรมนุษย์และเศรษฐกิจดิจิทัล: อินโดนีเซียเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเสริมสร้างความร่วมมือในภาคการศึกษา เทคโนโลยี เศรษฐกิจดิจิทัล และการพัฒนาบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม
(ข้อ 6-10 จะถูกเพิ่มเข้ามาในส่วนนี้ โดยเน้นการเขียนให้มีความหลากหลายและไม่ซ้ำกับข้อ 1-5 และยังคงความเป็นข่าวเศรษฐกิจระดับมืออาชีพ)
การส่งเสริมการค้าสินค้าประเภทอื่นๆ ที่มีความต้องการสูงในตลาดสหรัฐฯ เช่น เฟอร์นิเจอร์ สินค้าหัตถกรรม และสินค้าแฟชั่น
การสร้างความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันให้มาเยือนอินโดนีเซียมากขึ้น
การพัฒนาระบบโลจิสติกส์และการขนส่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการค้าระหว่างสองประเทศ
การสร้างกรอบความร่วมมือด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน
การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
การเจรจาครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างอินโดนีเซียและสหรัฐอเมริกา และคาดว่าจะส่งผลดีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศในระยะยาว การติดตามความคืบหน้าของการเจรจาในอีก 60 วันข้างหน้าจึงเป็นเรื่องที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง