belanegara – กระทรวงพลังงานและทรัพยากรแร่ของอินโดนีเซียเปิดเผยข่าวช็อกวงการลงทุน เมื่อรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีปรโบโว ซูเบียนโต เตรียมเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท ฟรีพอร์ต อินโดนีเซีย (PT Freeport Indonesia) เกินกว่า 10% ซึ่งสูงกว่าแผนเดิมที่วางไว้ถึง 10% สร้างความฮือฮาให้กับนักลงทุนทั่วโลก
บาห์ลิล ลาฮาดาเลีย รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานและทรัพยากรแร่ กล่าวกับบรรดาสื่อมวลชน ณ ทำเนียบประธานาธิบดีจาการ์ตา เมื่อวันจันทร์ที่ 15 กันยายน 2568 ว่า “อัลฮัมดุลิลละห์ เดิมทีเราวางแผนเพิ่มหุ้น Freeport 10% แต่ตอนนี้มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นเกิน 10% ผมจะประกาศตัวเลขที่แน่นอนหลังจากลงนามในสัญญาต่อสัมปทานแล้ว”

ทั้งนี้ รัฐมนตรีบาห์ลิล ยืนยันว่ารัฐบาลได้ราคาหุ้นที่เหมาะสม แม้จะยังไม่สามารถระบุเวลาที่แน่นอนในการซื้อหุ้นเพิ่มเติมได้ แต่เขากล่าวเสริมว่า “สำหรับการเพิ่มหุ้นอีกกว่า 10% นั้น ค่าใช้จ่ายต่ำมาก เนื่องจากมูลค่าสินทรัพย์นั้นถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมากแล้ว แต่การคำนวณนี้จะใช้ไปจนถึงปี 2041” และกล่าวเสริมว่า “ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการคำนวณ”
ก่อนหน้านี้ อินโดนีเซียได้เข้าถือหุ้นใหญ่ใน PT Freeport Indonesia ผ่านบริษัท PT Mineral Industri Indonesia (MIND ID) ในสัดส่วน 51.2% ตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญในการต่อสัมปทานเหมืองแร่จนถึงปี 2041
ทางด้าน Freeport-McMoRan Inc. (FCX) บริษัทแม่ของ PTFI ได้ยื่นขอต่อสัมปทานการดำเนินงาน โดยระบุว่าได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดหลักของรัฐบาลแล้ว รวมถึงการถือหุ้นในประเทศมากกว่า 51% การสำรวจเพิ่มเติม และการสร้างโรงหลอมทองแดงและโรงกลั่นโลหะมีค่า (PMR) ในเมืองเกรสิก ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568
หากข้อตกลงการเพิ่มหุ้นมากกว่า 10% เป็นจริง อินโดนีเซียจะยิ่งมีอำนาจเหนือ PTFI มากขึ้น และรับประกันการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2061 พร้อมทั้งสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญให้กับประเทศและประชาชน นับเป็นการยกระดับความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซียอย่างแท้จริง